วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ระบบสืบพันธุ์

การสืบพันธุ์แบงออกเป็น 2 ประเภทคือ การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศและการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ ในคนมีเฉพาะการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศที่การปฏิสนธิ ซึ่งก็คือ การสืบพันธุ์ที่จำเป็นต้องใช้เซลล์สืบพันธุ์และมีการปฏิสนธิ (รวมกัน)ของเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเพศเมีย
 ระบบสืบพันธุ์เพศชาย
เซลล์สืบพันธุ์เพศชาย คือ sperm มีองค์ประกอบต่างๆดังนี้ 1.acrosome ทำหน้าที่บรรจุ enzyme ที่ใช้ย่อยเปลือกของไข่ 2. Nucleus เก็บสารพันธุกรรมจากพ่อที่จะถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมไปให้ลูกหลาน 3. Spiral mitochondria ทำหน้าที่สร้างพลังงานนให้sperm 4. Microtubule tail ทำหน้าที่สะบัดทำให้spermสามารถเคลื่อนที่ได้
อวัยวะที่สำคัญในระบบสืบพันธุ์เพศชาย ประกอบด้วย
1. อัณฑะ (Testis) เป็นต่อมเพศชองชายทำหน้าที่ผลิตตัวอสุจิ (Sperm) และสร้างฮอร์โมนเพศชาย อัณฑะมี 2 ข้าง ภายในประกอบด้วยหลอดสร้างตัวอสุจิ (Somniferous tubules) มีลักษณะเป็นท่อเล็ก ๆ ขดเรียงกันอยู่มากมาย ทำหน้าที่สร้างตัวอสุจิ นอกจากนั้นภายในอัณฑะยังมีleydig cell ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนเพศชายเพื่อควบคุมลักษณะต่าง ๆ ของเพศชาย เช่น เสียงห้าว มีหนวดเครา เป็นต้น
อัณฑะบรรจุอยู่ภายในถุงอัณฑะ (Scrotum) ซึ่งทำหน้าที่ปรับอุณหภูมิให้ต่ำกว่าอุณหภูมิของร่างกายประมาณ 3-5 องศาเซลเซียส (ประมาณ 34 องศาเซลเซียส) ให้เหมาะสมแก่การเจริญเติบโตของตัวอสุจิ
2. หลอดเก็บตัวอสุจิ (Epididymis) เป็นที่พักของตัวอสุจิที่สร้างจากหลอดสร้างหลอดอสุจิ หลอดเก็บตัวอสุจิจะอยู่ด้านบนของอัณฑะต่อเชื่อมกับหลอดนำตัวอสุจิ
3. ท่อนำตัวอสุจิ (Vas deferens) อยู่ต่อจากหลอดเก็บตัวอสุจิ ทำหน้าที่ลำเลียงตัวอสุจิไปเก็บไว้ที่ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ
4. ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงตัวอสุจิ (Seminal vesicle) อยู่ต่อจากหลอดนำตัวอสุจิ ทำหน้าที่สร้างสารอาหารสำหรับเลี้ยงตัวอสุจิ ได้แก่ น้ำตาลฟรักโทส วิตามินซี โปรตีนโกลบูลิน และสร้างของเหลวเพื่อทำให้เกิดสภาพที่เหมาะสมกับตัวอสุจิ
5. ต่อมลูกหมาก (Prostate gland) อยู่บริเวณตอนต้นของท่อปัสสาวะ ทำหน้าที่สร้างสารที่เป็นเบสอ่อน ๆ เข้าไปในท่อปัสสาวะปนกับน้ำเลี้ยงตัวอสุจิเพื่อลดความเป็นกรด เพื่อให้เกิดสภาพที่เหมาะสมสำหรับตัวอสุจิ
6. ต่อมคาวเปอร์ (Cowper’s gland) อยู่ใต้ต่อมลูกหมาก ทำหน้าที่สร้างน้ำเมือกหล่อลื่นในท่อปัสสาวะ เพื่อให้ตัวอสุจิเคลื่อนตัวได้สะดวกและเร็วขึ้น
การสร้างตัวอสุจิและการหลั่งน้ำอสุจิ มีรายละเอียดดังนี้
เริ่มจากหลอดสร้างตัวอสุจิซึ่งอยู่ภายในอัณฑะสร้างตัวอสุจิออกมา ถูกนำไปพักไว้ที่หลอดเก็บตัวอสุจิ จนตัวอสุจิแข็งแรงพร้อมที่จะปฏิสนธิ แล้วถูกลำเลียงไปตามหลอดนำตัวอสุจิเพื่อนำไปเก็บไว้ที่ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ เมื่อถูกกระตุ้นให้หลั่งน้ำอสุจิ น้ำอสุจิจะถูกขับออกมาทางท่อปัสสาวะและออกจากร่างกายตรงปลายสุดของอวัยวะเพศชาย ซึ่งต่อมลูกหมากจะหลั่งสารเข้าผสมกับน้ำเลี้ยงตัวอสุจิเพื่อปรับสภาพใหเหมาะสมกับตัวอสุจิ และต่อมคาวเปอร์จะสร้างเมือกหล่อลื่นในท่อปัสสาวะเพื่อให้ตัวอสุจิเคลื่อตัวได้เร็วขึ้น
โดยทั่วไปเพศชายจะเริ่มสร้างตัวอสุจิเมื่ออายุประมาณ 12-13 ปี และสร้างไปจนตลอดชีวิต การหลั่งน้ำอสุจิออกมาแต่ละครั้งจะมีของเหลวออกมาเฉลี่ยประมาณ 3-4 ลูกบาศก์เซนติเมตร และมีตัวอสุจิเฉลี่ยประมาณ 350-500 ล้านตัว ซึ่งปริมาณน้ำอสุจิและตัวอสุจิอาจแตกต่างไปตามความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย เชื้อชาติ และสภาพแวดล้อม สำหรับชายที่เป็นหมันจะมีตัวอสุจิน้อยกว่า 30-50 ล้านตัวต่อ 1 ลูกบาศก์เซนติเมตร หรือมีตัวอสุจิที่ผิดปรกติมากกว่าร้อยละ 25 ตัวอสุจิเมื่อออกจากร่างกายจะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง แต่ถ้าอยู่ในมดลูกของเพศหญิงจะอยู่ได้ประมาณ 24-48 ชั่วโมง

ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง
เซลล์สืบพันธุ์เพศหญิง คือ egg/ovum มีองค์ประกอบต่างๆดังนี้ 1.zona pellucida ห่อหุ้มและปกป้องไข่ และป้องกัน polyspermy อีกด้วย 2. Corona radiata ทำหน้าที่ห่อหุ้มไข่ 3. Nucleus เก็บสารพันธุกรรมจากแม่ที่จะถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมไปให้ลูกหลาน
อวัยวะที่สำคัญในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ประกอบด้วย
1. รังไข่ (Ovary) มีรูปร่างคล้ายเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ยาวประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร หนา 1 เซนติเมตร มีน้ำหนักประมาณ 2 – 3 กรัม และมี 2 อัน อยู่บริเวณปีกมดลูกแต่ละข้าง ทำหน้าที่ดังนี้
1.1 ผลิตไข่ (Ovum) ซึ่งเป็นเซลล์สืบพันธุ์เพศหญิง โดยปรกติไข่จะสุกเดือนละ 1 ใบ จากรังไข่แต่ละข้าสลับกันทุกเดือน และออกจากไข่ทุกรอบเดือนเรียกว่า การตกไข่ ตลอดช่วงชีวิตของเพศหญิงปรกติจะมีการผิตไข่ประมาณ 400 ใบ คือเริ่มตั้งแต่อายุ 12 ปี ถึง 50 ปี จึงหยุดผลิต เซลล์ไข่จะมีอายุอยู่ได้ประมาณ 24 ชั่วโมง
1.2 ร้างฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งมีอยู่หลายชนิด ที่สำคัญได้แก่
1) เอสโตรเจน (Estrogen) เป็นฮอร์โมนที่สร้างจากฟอลลิเคิล ทำหน้ามี่ควบคุมเกี่ยวกับมดลูก ช่องคลอด ต่อมน้ำนม และควบคุมการเกิดลักษณะต่าง ๆ ของเพศหญิง เช่น เสียงแหลมเล็ก ตะโพกผาย หน้าอกและอวัยวะเพศขยายใหญ่ขึ้น เป็นต้น
2)โปรเจสเตอโรน (Progesterone) เป็นฮอร์โมนที่สร้างจากคอร์ปัส ลูเทียม ทำงานร่วมกับเอสโตรเจนในการควบคุมเกี่ยวกับการเจริญของมดลูก การเปลี่ยนแปลงเยื่อบุมดลูกเพื่อเตรียมรับไข่ที่ผสมแล้ว
2. ท่อนำไข่ (Oviduct) หรือ ปีกมดลูก (Fallopian) เป็นทางเชื่อมต่อระหว่างรังไข่ทั้งสองข้างกับมดลูก ภายในกลวง มีเส้นผ่านศูนย์ประมาณ 2 มิลลิเมตร มีขนาดปรกติเท่ากับเข็มถักไหมพรหม ยาวประมาณ 6 – 7 เซนติเมตร หนา  1 เซนติเมตร ทำหน้าที่เป็นทางผ่านของไข่ที่ออกจากรังไข่เข้าสู่มดลูก โดยมีปลายข้างหนึ่งอยู่ใกล้กับรังไข่เรียกว่า ปากแตร (Funnel)บุด้วยเซลล์ที่มีขนสั้น ๆ ทำหน้าที่พัดโบกไข่ที่ตกลงมาจากรังไข่ให้เข้าไปในท่อนำไข่ ท่อนำไข่เป็นบริเวณที่อสุจิจะเข้าปฏิสนธิกับไข่
3. มดลูก (Uterus) มีรูปร่างคล้ายผลชมพู่ หรือรูปร่างคล้ายสามเหลี่ยมหัวกลับลง กว้างประมาณ 4 เซนติเมตร ยาวประมาณ 6 – 8 เซนติเมตร หนาประมาณ 2 เซนติเมตร อยู่ภายในกระดูกเชิงกราน ระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับทวารหนัก ภายในเป็นโพรง ทำหน้าที่เป็นที่ผังตัวของไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว และเป็นที่เจริญเติบโตของทารกในครรภ์
4. ช่องคลอด (Vagina) อยู่ต่อจากมดลูกลงมา ทำหน้าที่เป็นทางผ่านของตัวอสุจิเข้าสู่มดลูก เป็นทางออกของทารกเมื่อครบกำหนดคลอด และยังเป็นช่องให้ประจำเดือนออกมาด้วย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น